ซึ่ง ‘แฟร์รัชชี’ ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อสเปนอย่าง Marca พร้อมเผยถึงเป้าหมายของทีมว่า “เป้าหมายของเราคือการจบในพื้นที่ยุโรปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยเฉพาะกับการไปยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รวมถึงการสร้างศูนย์ฝึกซ้อมที่ดีที่สุดในฝรั่งเศส”
ในส่วนของการสร้างความแตกต่างจาก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ซึ่งจะเป็นคู่แข่งร่วมเมืองในฤดูกาลหน้า ประธานวัย 73 ปีระบุว่า “เราจะสร้างทีมแบบเน้นระยะยาว โดยเน้นที่การปั้นเด็กเยาวชนท้องถิ่น จึงมีโอกาสสูงที่เราจะซื้อนักเตะระดับท็อปน้อยกว่า เปแอสเช ที่เลือกเดินในเส้นทางที่พวกเขามองว่าเติบโตเร็วกว่า แม้จะใช้เวลาถึง 14 ปีกว่าจะได้แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ตาม
ในขณะที่สโมสรต้นแบบของ ปารีส แอฟเซ ‘แฟร์รัชชี’ กล่าวว่า “ผมมีสองสโมสรที่เป็นทีมโปรด ทีมหนึ่งอยู่ในอิตาลี ในขณะที่อีกทีมคือ บาร์เซโลนา แม้ผมอยากจะสร้างทีมในแบบของเรา แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า บาร์ซาเป็นแรงบันดาลใจให้กับผม โดยเฉพาะกับการสร้างเด็กเยาวชนระดับสูงสุด การสร้างศูนย์ฝึกของทีมเป็นทั้งการสร้างรายได้และทรัพยากรนักเตะของทีม”
เศรษฐีตระกูลอาร์โนลต์ เจ้าของกลุ่ม LVMH และเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ตัดสินใจร่วมมือกับ Red Bull บริษัทเครื่องดื่มชูกำลังระดับโลกผู้เป็นเจ้าของทีมกีฬามากมาย เช่น อาร์เบ ไลป์ซิก, เร้ด บูล ซัลซ์บวร์ก, รวมถึงทีมในฟอร์มูลา วัน อย่าง เร้ด บูล เรซซิง เข้าเทคโอเวอร์ ปารีส แอฟเซ พร้อมกับแสดงจุดมุ่งหมายของการเข้าควบรวมสโมสรครั้งนี้ผ่าน อ็องตวน อาร์โนลต์ ลูกชายของ เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ ว่า
“การลงทุนครั้งนี้เป็นเรื่องของ ‘ความรู้สึก’ มากกว่า ‘ธุรกิจ’ สิ่งที่น่าแปลกคือ ในเมืองที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปอย่างปารีส กลับมีสโมสรใหญ่เพียงแห่งเดียว (เปแอสเช) ซึ่ง ปารีส แอฟเซ ก็เป็นสโมสรที่มีโครงสร้างดีอยู่แล้ว พร้อมมีทีมที่ดีและประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ แต่ขาดเพียงเงินทุนเท่านั้นที่จะผลักดันสโมสรให้ไปได้ไกลกว่านี้”
ซึ่งในฐานะประธานสโมสรยาวนาน 13 ปีอย่าง ปิแอร์ แฟร์รัชชี เขาก็ได้กล่าวถึงความคาดหวังต่อการเทคโอเวอร์ครั้งนี้ว่า “มันจะเป็นการลงทุนครั้งสำคัญ ทุนที่เราได้มาจะถูกนำไปสร้างศูนย์ฝึกซ้อมสองแห่ง และสนามเหย้าหนึ่งแห่ง รวมถึงจะถูกนำไปซื้อนักเตะเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการลงเล่นลีกเอิง ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่จะเป็นการลงทุนที่สำคัญที่สุดในวงการฟุตบอลฝรั่งเศส”
อีกทั้งเมื่อถามถึง ‘เยอร์เก้น คลอปป์’ ซึ่งปัจจุบันทำหน้าหัวหน้าฝ่ายฟุตบอลของ Red Bull ประธานชาวฝรั่งเศสก็ได้ตอบว่า “เขามีความสำคัญอย่างมากต่อเรา เขามาเยี่ยมสโมสรของเราแล้วประมาณ 2 ครั้ง และจะกลับมาอีกเรื่อย ๆ เยอร์เก้นจะทำหน้าที่ดูแลทุกการตัดสินใจของสโมสรที่ Red Bull ถือหุ้นอยู่ เขาสร้างอิมแพคต์ที่ส่งผลดีต่อสโมสรอย่างมาก”
ทั้งนี้ ในตลาดซื้อขายนักเตะปัจจุบัน ปารีส แอฟเซ ใช้เงินเสริมทีพไปแล้ว 18 ล้านยูโร โดยเป็นการซื้อนักเตะในตำแหน่งแบ็คซ้ายทั้งหมด ได้แก่ ติโบต์ เดอ สเม็ต กับ โนอา ซ็องกี จาก สต๊าด เดอ แร็งส์ และ โมซีส ไซมอน จาก น็องต์