การคัดเลือกผู้เล่น GLO Star ประจำภาคตะวันออกและปริมณฑล ในศึกฟุตบอลเยาวชน 8 คน ชิงแชมป์ประเทศไทย "GLO Cup 2025" ถือเป็นการตัดสินใจที่หนักใจของคณะกรรมการอย่างยิ่ง เมื่อต้องเฟ้นหาเพียง 4 ผู้เล่นดาวเด่นในแต่ละรุ่น จากโรงเรียนศาสตร์ลูกหนังชื่อดังทั่วประเทศ ทว่าท่ามกลางการแข่งขันอันดุเดือดนี้ ชื่อของ "ซันนี่" ธีร์ธวัช กองสูง กองหลังลูกครึ่งไทย-สวิตเซอร์แลนด์ จากทีมพระแม่มารี X ราชนาวีจูเนียร์ รุ่น U13 กลับฉายแสงโดดเด่น จนคว้าโอกาสสำคัญนี้มาครองได้สำเร็จ สะท้อนเส้นทางชีวิตลูกหนังที่เต็มไปด้วยบทเรียนและความไม่ย่อท้อ
พระแม่มารี X ราชนาวีจูเนียร์ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในรอบคัดเลือกภาคตะวันออกและปริมณฑล ด้วยการกวาดชัยชนะรวด โชว์เกมรุก-รับที่สมดุล โดยหนึ่งในทีเด็ดที่ทำให้ทีมแข็งแกร่งคือการใช้แผงหลังลูกครึ่งยืนเป็นปราการหลังคู่กัน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ซาคาไรซ์ แซก สานุวิตร ลูกครึ่งไทย-กาน่า ที่ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแกร่งและความหนักในการเข้าบอล ขณะที่คู่หูที่คอยสอดประสานได้อย่างลงตัวคือ "ซันนี่" ธีร์ธวัช กองสูง นั่นเอง
"ซันนี่" ถนัดเท้าซ้าย มีบทบาทเป็น บอลเพลย์อิงดีเฟนเดอร์ (Ball Playing Defender) ที่ทันสมัย เขามีทักษะการเลี้ยง-จ่าย-ครองบอลที่ครบเครื่อง พร้อมวิชั่นการจ่ายบอลสั้น-ยาวที่แม่นยำ ทำให้เขาสามารถขึ้นเกมจากแดนหลังได้อย่างไหลลื่นตามแผนของโค้ช ในเกมรับเมื่อมีซาคาไรซ์เป็นตัวชน "ซันนี่" ก็รับบทเป็นตัวเก็บกวาด พร้อมหน้าที่เปลี่ยนจังหวะจากรับเป็นรุกได้อย่างรวดเร็ว สร้างสรรค์เกมโต้กลับจากปากประตูถึงปากประตูได้ภายในไม่กี่จังหวะ
เส้นทางนักฟุตบอลกับบทเรียนแห่ง "ความผิดหวัง"
ชีวิตในเส้นทางลูกหนังของ "ซันนี่" เขาเริ่มต้นง่ายๆ จากคุณพ่อชาวสวิตเซอร์แลนด์ผู้เป็นครูสอนฟุตบอลคนแรก ก่อนที่อายุ 7-8 ขวบ ครอบครัวก็เห็นแวว จึงส่งเสริมให้ไปขัดเกลาฝีเท้าที่อะคาเดมี่ "ต้น33" ในจังหวัดขอนแก่น
เมื่อฝีเท้าเริ่มแกร่งขึ้น "ซันนี่" ถูกเรียกไปช่วยทีมวัดป่าจิตสามัคคี แข่งขันในรายการฟุตบอล 108 ซึ่งเป็นการรวมนักเตะฝีเท้าดีจากทั่วประเทศ ผสมผสานกับนักเตะจากอะคาเดมี่ของสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด และด้วยการรวมทีมกันเพียงหนึ่งเดือน พวกเขาสามารถทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้ถึงสองปีติด แต่เรื่องตลกร้ายคือ ทีมของ "ซันนี่" ต้องจอดป้ายเพียงแค่ รองแชมป์สองครั้งซ้อน โดยพ่ายให้กับทีมของคู่หูคนปัจจุบันอย่าง ซาคาไรซ์ แซก สานุวิตร ทั้งสองครั้ง
ความมุ่งมั่นและความพยายามของ ซันนี่ บนเส้นทางสายฟุตบอลนั้นยังไม่จบลง เขายังมีความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยม พร้อมไปฝึกฝนศาสตร์ลูกหนังต่อที่สโมสร 'คชสารเปรมปรี' ให้แก่กล้าแล้วเลือกที่จะเดินทางไปคัดตัวกับสโมสรเบอร์หนึ่งของประเทศไทย ที่มีที่ตั้งอยู่ที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่าง ‘บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด’ ด้วยทักษะเบสิกฟุตบอลที่ไม่ธรรมดา ซันนี่ ทะลุผ่านเข้าไปถึงรอบสุดท้าย แต่โชคชะตาก็ยังคงให้เขาเป็น ‘ผู้ถูกเลือกให้ผิดหวัง’ อีกครั้ง หลังไม่ผ่านเกณฑ์เข้าเป็น ‘ขุนพลลูกเจี๊ยบสายฟ้า’ ได้สำเร็จ
ความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ ประตูบานใหม่ที่เปิดออก
อย่างไรก็ตาม การพลาดหวังครั้งนั้นกลับเป็นการเปิดเส้นทางใหม่ให้กับ "ซันนี่" เมื่อมีทีมงานของโรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์เห็นความสามารถที่ซ่อนอยู่ในตัวเขา และมอบโควต้านักกีฬาให้เข้าเรียนที่กรุงเทพมหานคร พร้อมส่งชื่อเข้าแข่งรายการต่างๆ เพื่อเป็นกำลังเสริม และในปีถัดมา "ซันนี่" ก็ได้รับโอกาสสำคัญอีกครั้ง ด้วยการถูกส่งตัวต่อให้กับพระแม่มารีสาทร (ปัจจุบันคือพระแม่มารี X ราชนาวีจูเนียร์) หนึ่งในทีมเต้ยแห่งวงการลูกหนังขาสั้นยุคปัจจุบัน
จุดเด่นของ "ซันนี่" คือความเป็นนักเตะที่มีความมุ่งมั่นกับฟุตบอล และเล่นอย่างขาวสะอาด ไม่มีการเข้าบอลแถมหรือเล่นแรงใส่คู่แข่ง เนื่องจากตัวเขาเคยผ่านเวทีบอลเดินสายและเคยถูกผู้ใหญ่กว่าเล่นงานจนจำฝังใจ ทำให้เขาไม่ต้องการทำสิ่งที่เขาไม่ชอบกับผู้อื่น แม้จะเคยโดนใบแดง ก็เกิดจากจังหวะเตะบอลทิ้งเพื่อถ่วงเวลาเพียงเท่านั้น ไม่มีประวัติเล่นนอกเกมหรือเกกมะเหรกเกเรใดๆ นอกจากนี้ เขายังเป็นนักเตะที่ทำตามคำสั่งโค้ชเต็มร้อย เล่นได้ทุกตำแหน่งไม่ว่าจะเป็น เซนเตอร์แบ็ค, แบ็ค หรือปีกซ้าย
"พี่อุ้ม-ธีราทร" คือไอดอล และความฝันที่ยังไม่เลือนหาย
ไม่น่าแปลกใจที่นักเตะไอดอลในเมืองไทยของ "ซันนี่" คือ "พี่อุ้ม-ธีราทร บุญมาทัน" หากมองผิวเผิน ลักษณะการเล่นของ "ซันนี่" ทั้งการจัดระเบียบร่างกาย และวิชั่นการออกบอล แทบจะถอดแบบกันออกมาเป๊ะๆ เหลือแค่ขัดเกลากระดูกฟุตบอลให้แข็งแกร่งและเติบโตไปตามวัย ซึ่งตัวของเจ้าหนูรายนี้ก็ยังคงไม่ทิ้งฝันที่จะกลายเป็นแข้ง "ปราสาทสายฟ้า" ในอนาคต หลังตั้งใจจะตอบแทนสโมสรปัจจุบันอย่างราชนาวี ให้ประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมายก่อน
สำหรับการเป็น GLO Star ที่จะได้ไปฝึกฟุตบอลที่ประเทศญี่ปุ่นนั้น "ซันนี่" ไม่มีความกลัวที่จะต้องเผชิญกับการใช้ชีวิตในต่างประเทศแม้แต่น้อย เพราะเขามีประสบการณ์ไปอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์แบบห่างบ้านห่างเมืองมาแล้วนับเดือน แต่ความท้าทายสุดท้ายคือด่านการคัดเลือกที่ว่า "หนัก" และ "หิน" กว่ารอบที่ผ่านมา จะขวางความตั้งใจอันแรงกล้าของเขาได้แค่ไหน และเขาจะสามารถพาทีมต้นสังกัดไปถึงตำแหน่งแชมป์ตามที่โค้ชตั้งเป้าไว้หรือไม่? ต้องรอติดตาม!