วัฒนธรรมองค์กร เปิดสาเหตุเบรนท์ฟอร์ดเลือก คีธ แอนดรูวส์ เป็นเฮดโค้ช

ดูหนังออนไลน์ โพสต์โดย : Admin เมื่อ 30 มิ.ย. 2568 11:02:58 น. เข้าชม 5 ครั้ง

Sky Sports สื่อชื่อดังจากอังกฤษ นิยาม เบรนท์ฟอร์ด ทีมจากศึกพรีเมียร์ลีกว่า “เป็นสโมสรที่มีการตัดสินใจที่กล้าหาญ” แต่ใครจะคิดว่า “ความกล้าหาญ” ล่าสุดของทีม ‘ผึ้งน้อย’ จะเป็นการดันโค้ชลูกนิ่งของทีมวัย 44 ปีอย่าง ‘คีธ แอนดรูวส์’ ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีประสบการณ์คุมทีมในฐานะ ‘เฮดโค้ช’ ที่ไหนมาก่อนเลย มาแทนที่ของ โธมัส แฟรงค์ 

หารู้ไม่ว่า การตัดสินใจที่ “กล้าหาญ” เหล่านี้ของ เบรนท์ฟอร์ด จะเป็นสิ่งที่เปรียบเสมือนวัฒนธรรมองค์กรที่มีส่วนทำให้พวกเขามาถึงจุดนี้ จุดที่นับตั้งแต่ขึ้นชั้นมาสู่พรีเมียร์ลีกในปี 2021 ก็ห่างไกลจากการตกชั้นทุกฤดูกาล (แต้มเกินโซนตกชั้นเกิน 10 แต้มทุกปี) และมีถึง 2 จาก 4 ฤดูกาล ที่จบด้วยตำแหน่งครึ่งบนของตาราง

ตัวอย่าง “การตัดสินใจที่กล้าหาญ” ในช่วงที่ผ่านมาของ เบรนท์ฟอร์ด เช่น

1.ไม่ซื้อกองหน้าตัวเป้ามาแทน นีล โมเปย์ กองหน้าที่ยิง 37 ประตูให้ทีมจากสองฤดูกาล ซึ่งย้ายไป ไบรท์ตัน ในปี 2019 แต่ตัดสินใจเลือกใช้ปีกในตอนนั้นอย่าง ‘โอลลี วัตกินส์’ เป็นกองหน้าแทน ผลคือ วัตกินส์ ยิงให้ทีมไป 45 ประตูจาก 3 ฤดูกาล

2.ปล่อย ไอแวน โทนีย์ ที่ยิง 67 ประตูให้ทีมระหว่างปี 2020-2024 ไปเล่นในลีกซาอุดี โปรลีก ก่อนจะดัน ไบรอัน เอ็มเบอโม ทึ่ก่อนหน้านี้ไม่เคยยิงถึง 10 ประตูในพรีเมียร์ลีก สู่กองหน้าที่ยิง 20 ประตูเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา

3.ปล่อยผู้รักษาประตูตัวหลักอย่าง ดาบิด รายา ในปี 2023 แต่ก็ซื้อ มาร์ค เฟลคเคน มาเฝ้าเสาแทนได้แบบไร้ที่ติ

และล่าสุด การดัน ‘คีธ แอนดรูวส์’ โค้ชลูกเซ็ทพีชขึ้นมาแทน ‘โธมัส แฟรงค์’ น่าจะเป็นหนึ่งการตัดสินใจที่ ’กล้าที่สุด‘ 

คีธ แอนดรูวส์ ปัจจุบันอายุ 44 ปี ในอดีตเขาคือกองกลางตัวรับทีมชาติไอร์แลนด์ และเคยเป็นนักเตะของ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส, สโต๊ค ซิตี้, ฮัลล์ ซิตี้, ไบรท์ตัน และ วัตฟอร์ด

หลังแขวนสตั๊ด ‘แอนดรูวส์‘ เริ่มต้นอาชีพโค้ชด้วยการเป็นผู้ช่วยโค้ชให้ มาร์ค โรบินสัน ที่ เอ็มเค ดอนส์ ต่อมาได้โอกาสเป็นผู้ช่วยโค้ช สตีเฟน เคนนี ที่ทีมชาติสาธารณรัฐไอร์แลนด์ชุดยู-21 และชุดใหญ่ถึงปี 2023 ก่อนจะเป็นผู้ช่วยโค้ชให้ คริส ไวล์เดอร์ ที่ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ช่วงสั้น ๆ

กระทั่งเข้ามาที่ เบรนท์ฟอร์ด ในฐานะโค้ชเซ็ตพีชของทีมช่วงปลายปี 2023 และก้าวกระโดดจากโค้ชเซ็ทพีช สู่โค้ชทีมอันดับ 10 พรีเมียร์ลีกอย่าง เบรนท์ฟอร์ด ซึ่งโค้ชคนเก่าอย่าง โธมัส แฟรงค์ ก็ทำไว้ดีถึงขนาดที่แชมป์ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก อย่าง ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ดึงไปคุมทัพแทน แอนจ์ ปอสเตโคกลู 

Sky Sports อธิบายว่า การดันบุคลากรภายในของสโมสรขึ้นมารับตำแหน่งใหญ่ ๆ ของทีม แทบจะเป็น ‘วัฒนธรรมองค์กร’ ของ เบรนท์ฟอร์ด เลยก็ว่าได้ โดยไม่สนด้วยว่าก่อนหน้านี้พวกเขาเป็นใครมาจากไหน เพราะแม้แต่ โธมัส แฟรงค์ เอง ที่ก่อนขึ้นเป็นหัวหน้าทีมผึ้งน้อย เขาก็เป็นผู้ช่วยโค้ชของ ดีน สมิธ ซึ่งเป็นโค้ช เบรน์ฟอร์ด ระหว่างปี 2015-2018 มาก่อน

โดยสาเหตุหลักที่ เบรนท์ฟอร์ด ตัดสินใจเลือก คีธ แอนดรูวส์ คือ ต้องการต่อยอดทีมที่ โธมัส แฟรงค์ สร้างไว้ และสำหรับพวกเขา ไม่มีใครที่จะเหมาะสมไปกว่า ‘คนใน’ ของสโมสรอีกแล้ว 

อีกหนึ่งตัวอย่างที่สะท้อน “ความกล้า” แบบ “ปฏิวัติ” ของ เบรนท์ฟอร์ด ได้ดีที่สุดคือ พวกเขาคือทีมแรกที่ใช้โค้ชลูกนิ่งเป็นทีมแรกในอังกฤษ คือ ‘จานนี วิโอ’ ที่ต่อมาจะถูก สเปอร์ส ดึงไปร่วมทีมในยุคของ อันโตนิโอ คอนเต้ ก่อนที่ต่อมา โค้ชเซ็ตพีชของ เบรนท์ฟอร์ด จะเป็นคนที่ชื่อ ‘นิโคลัส โจเวอร์’ ที่ต่อมาถูก เป๊ป กวาร์ดิโอลา ทาบทามไปร่วมทีมที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ระหว่างปี 2019-2021 และอยู่กับ อาร์เซนอล ในปัจจุบัน

“เบรนท์ฟอร์ด คือทีมแรกที่คิดค้นโค้ชเซ็ทพีชขึ้นมาเลย พวกเขาเริ่มใช้งานโค้ชลูกนิ่งในตอนที่ไม่มีทีมไหนทำมาก่อน” มาร์ค ออร์ติ เอสเตบัน อดีตโค้ชลูกนิ่ง เบรนท์ฟอร์ด เผย 

เบรนท์ฟอร์ด กำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในฤดูกาลหน้า เพราะนอกจากจะเสียกุนซืออย่าง โธมัส แฟรงค์ แล้ว นักเตะตัวหลักของทีมอย่าง คริสเตียน นอร์การ์ด ก็ย้ายไป อาร์เซนอล แถม ไบรอัน เอ็มเบอโม ก็มีโอกาสสูที่จะย้ายไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีก และการตั้งกุนซือประสบการณ์ต่ำอย่าง คีธ แอนดรูวส์ ก็ยิ่งเพิ่มความเคลือบแคลงสงสัยเข้าไปใหญ่ต่อความสุ่มเสี่ยงในการตัดสินใจของทีม 

อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยในทีมที่มีเจ้าของชื่อ แมทธิว เบนแฮม ซึ่งเป็นผู้นำสถิติข้อมูลมาเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนหลักของทีม จนพัฒนาทีมให้ขยับจาก ลีกทู สู่ พรีเมียร์ลีก ในปี 2021 คือ พวกเขาตัดสินใจด้วยความ “กล้าหาญ” อีกครั้ง และผลงานในฤดูกาลหน้าจะเป็นตัวพิสูจน์ว่าการตัดสินใจที่ “กล้าหาญ” ในครั้งนี้ ถูกต้องหรือไม่

( 123over )

ปิดโฆษณานี้

ปิดโฆษณานี้