อย่างไรก็ตาม ชาบี อลอนโซ กลับพลิกโผทุกสำนักด้วยการใส่ ’กอนซาโล การ์เซีย’ กองหน้าจาก เรอัล มาดริด กาสตียา วัย 21 ปี ผู้ซึ่งฤดูกาลที่แล้วซัดไป 25 ประตูจากการลงเล่น 36 นัด ในดิวิชัน 3 ลีกสเปน เป็นตัวจริงก่อนทั้ง ‘อาร์ด้า กูแลร์‘ และ ‘บราฮิม ดิอาซ‘
ทั้งนี้ ’กอนซาโล’ ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ด้วยการเป็นผู้ยิงประดูหนึ่งเดียวของทีมในเกมนี้
2)ครึ่งแรก อัล ฮิลาล เหนือกว่าทุกกระบวนท่า
เกมระหว่าง เรอัล มาดริด กับ อัล ฮิลาล มีหนึ่งสิ่งที่เหมือนกันคือ ทั้งสองทีมต่างมีโค้ชคนใหม่ที่จะทำหน้าที่ในฐานะนัดประเดิมสนามทั้งคู่ โดย ชาบี อลอนโซ จะคุมมาดริดเป็นเกมแรก ในขณะที่ ซิโมเน อินซากี้ ก็จะคุมยักษ์ใหญ่แห่งซาอุเป็นเกมแรก เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไม่เหมือนกันแบบชัดเจนคือฟอร์มในครึ่งแรก เพราะหาก ‘อลอนโซ’ เริ่มต้นด้วยการที่ลูกทีมครองเกมไม่ได้ จับจังหวะเกมไม่ถูก และแผนการเพรสซิงสูงที่ไม่มีความดุดันที่มากพอ
ลูกทีมของ ‘อินซากี้’ กลับเป็นฝ่ายที่ทำได้ดีกว่าอย่างชัดเจนตั้งแต่ผ่าน 30 นาทีแรก ทั้งการครองบอล, การสร้างโอกาสทำประตู หรือแม้แต่จำนวนการเตะมุม
ทำให้สถิติหลังจบ 45 นาทีแรก คือ อัล ฮิลาล ครองบอล 55% (มาดริด 45%), อัล ฮิลาล ยิงรวม 5 ครั้ง (มาดริด 1) และ อัล ฮิลาล เตะมุม 4 ครั้ง (มาดริด 0)
3)การแก้เกมครึ่งหลังของอลอนโซ “ดีขึ้น แต่ยังไม่ดีพอ”
ก่อนเริ่มครึ่งหลัง ชาบี อลอนโซ ตัดสินใจแก้เกมเร็วทันทีด้วยการส่ง อาร์ด้า กูแลร์ ซึ่งเป็นมิดฟิลด์ตัวรุก ลงมาแทน ราอูล อเซนซิโอ กองหลังที่ทำให้ทีมเสียจุดโทษ พร้อมกับถอย ออเรเลียง ชูอาเมนี ลงไปยืนเป็นเซ็นเตอร์แบ็ค
การส่ง ‘กูแลร์‘ ลงมาแน่นอนว่าต้องการทำให้เกมตรงกลางมีความไหลลื่นและควบคุมเกมได้มากขึ้น ซึ่งสถิติที่ออกมาอาจจะสื่อถึงการแก้ที่ตอบโจทย์ เพราะเปอร์เซ็นต์การครองบอลของทีมเพิ่มจาก 45% ในครึ่งแรก สู่ 59% ในครึ่งหลัง นอกจากนี้ มาดริดยังเป็นฝ่ายครองเกมบุกได้มากขึ้น ในขณะที่ อัล ฮิลาล ลงไปแพ็คเกมรับมากกว่าเดิม
มากไปกว่า โอกาสยิงรวมกันในครึ่งหลังของ ‘โลส บลังโกส’ ยังเพิ่มขึ้นมาเป็น 5 ครั้ง พร้อมกับยิงตรงกรอบ 2 ครั้ง แต่การขาดความเฉียบคมในจังหวะสุดท้าย คือปัญหาใหญ่ของมาดริดในเกมนี้
4)4-3-3 คือ Formation หลักมาดริด แม้มีกลิ่นอาย 3-4-2-1 เล็ก ๆ
แม้ว่าในช่วงที่คุม ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน แผน 3-4-2-1 จะเป็นแผนที่ ชาบี อลอนโซ เลือกใช้มากที่สุด แต่กับการคุม เรอัล มาดริด เกมแรก อดีตกองกลางทีมชาติสเปนเลือกเดิมพันกับแผน 4-3-3 ก่อน โดยกองกลาง 3 คนประกอบไปด้วย ชูอาเมนี, เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้ และ จู๊ด เบลลิงแฮม เป็น 3 กองกลาง ในขณะที่ วินิซิอุส และ โรดรีโก้ คือปีกสองข้าง
อย่างไรก็ดี บางช่วงจังหวะของเกม โดยเฉพาะในครึ่งหลัง จะเห็นได้ว่า มาดริดปรับเข้าสู่แผน 3-4-2-1 บ้างเล็กน้อย ด้วยการขยับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่เป็นแบ็คขวา เข้ามาเซ็ตเกมตรงกลางกับ วัลเวร์เด้ ในขณะที่ ‘จู๊ด’ และ ‘กูแลร์’ จะทำเกมรุกอยู่หลังหน้าเป้า ส่วน ’วินิ’ และ ’โรดรีโก้‘ ทำหน้าที่เสมือนวิงแบ็คที่เติมเกมสูงชิดริมเส้น
5)ดรามาท้ายเกม
เกมเข้าสู่นาทีที่ 90 และกำลังจะจบด้วยสกอร์ 1-1 อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม โมฮาเม็ด อัลคัตตานี ตัวสำรองของ อัล ฮิลาล ที่ถูกเปลี่ยนลงมา ได้เอามือไปฟาดปาก ฟราน การ์เซีย จนเลือดออก ในจังหวะที่กำลังจะเข้าแย่งบอลในกรอบเขตโทษ
จังหวะนี้ในตอนแรกผู้ตัดสินในสนามไม่ได้ทักท้วงอะไร แต่พอผู้ตัดสิน VAR เรียกไปดูภาพช้า จึงเปลี่ยนคำตัดสินเป็นการให้จุดโทษกับ ‘ราชันชุดขาว’ ในนาที 90+2 ซึ่งอาจจะกลายเป็นประตูชัยได้เลย รวมถึงสิ่งที่ อัล ฮิลาล ทำดีมาตลอดทั้งเกมก็อาจจะพังไปด้วยเช่นกัน
แต่…เฟเด้ วัลเวร์เด้ ผู้ก่อนหน้านี้ไม่เคยรับหน้าที่สังหารจุดโทษให้ เรอัล มาดริด ในช่วงเวลาปกติเลย กลับยิงไปติดเซฟ ยาสซีน บูนู ผู้รักษาประตูทีมชาติโมร็อกโก ส่งผลให้สุดท้าย การประเดิมสนามนัดแรกของ ชาบี อลอนโซ ไม่สามารถจบด้วยชัยชนะสวย ๆ ได้ตามที่คาดหวัง