“บางที, บางที, บางทีผมอาจทำผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดที่ไม่โรเตชั่นให้มากพอ” ชล็อต เผย
“การโรเตชั่นไม่มากพอในไลน์อัพสำหรับเกมดวล นิวคาสเซิล แต่ผมคิดว่ามีช่วงเวลาพัก 4 วันในระหว่างนั้น พวกเขาได้พักร่างกายอย่างเพียงพอ
“แต่ก็เป็นอีกครั้ง มันง่ายเกินไปที่จะพูดว่าพวกเราใช้ร่างกายหนักเกินไป เราต้องให้เครดิตทุกอย่างที่ นิวคาสเซิล ทำเพราะท้ายที่สุดเราเสียลูกเตะมุม มันไม่ได้เกี่ยวกับการวิ่งสปรินท์หรือวิ่งกลับมาป้องกัน หรืออะไรพวกนั้น มันแค่การเสียลูกเตะมุม
“เขา(เอ็นโด)สมควรได้ลงสนามมากกว่านี้ถ้าคุณมองภาพใหญ่ในสิ่งที่เขาทำให้กับทีม รวมถึงในลีก คัพ
“แต่ตราบที่ผมอยู่ที่นี่, มากว่า 8-9 เดือนแล้ว ผมคิดว่าคุณอาจจะประหลาดใจถ้าเราตามหลัง 1-0 หรือ 2-0 และผมส่งนักเตะที่แทบจะไม่เคยยิงประตูได้ลงไป มันคงเป็นการเปลี่ยนตัวที่แปลกประหลาด
“ถ้าเรานำ 1-0 คุณคาดหวังได้เลยว่าผมจะส่ง วาตา ลงไป ถ้ามันเป็นสถานการณ์ที่เราต้องการประตูอย่างที่เราทำ, ผมเปลี่ยน อิบู (อิบราฮิมา โกนาเต้) ออก, ส่งมิดฟิลด์ลงไป, ใส่ เคอร์ติส (โจนส์), ไรอัน (กราเฟนแบร์ก) เล่นเซ็นเตอร์ตัวขวา, เคอร์ติส ลงไปเล่นเป็นมิดฟิลด์เชิงรุกมากกว่า ไรอัน, ผมส่ง ฮาร์วีย์ (เอลเลียตต์) ที่สามารถทำประตูได้, ผมส่ง เฟเดริโก้ (เคียซา) ที่สามารถทำประตูได้, ผมมี ดาร์วิน (นูนเญซ) ในทีม, ผมมี โกดี้ (คักโป) ในทีม, ผมมี โม (โมฮาเหม็ด ซาลาห์) ในทีม
“ดังนั้น ผมมีนักเตะแนวรุกทุกคนในทีม และบางทีผมอาจเห็นด้วยกับคุณหลังจาก 10 นาทีผ่าน ผมควรเปลี่ยนใครสักคนออกเพื่อส่ง วาตา ลงไปแต่คุณเห็นไม่บ่อยหรอกที่จะมีกุนซือเปลี่ยนนักเตะที่เพิ่งส่งลงสนามไปได้ 10 นาที
“บางทีผมตัดสินใจผิดพลาดที่ไม่ส่งเขาเป็นตัวจริง มันง่ายที่จะพูด แต่เราไม่มีทางรู้ได้เลย
“แต่เราชนะ นิวคาสเซิล ด้วยนักเตะที่เราส่งเป็นตัวจริง, กับเกมในบ้าน และเราเล่นดีกว่าพวกเขาในครึ่งหลังที่นิวคาสเซิลด้วยนักเตะที่เราออกสตาร์ทในนัดชิง ดังนั้นมันมีเหตุผลเสมอใน 11 ตัวจริงที่ส่งลงไป”