พยุริน งามพริ้ง อดีตผู้เคยลงเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลไทยฯ แนะนำให้สมาคมฯหันมาจับตามองการแข่งขัน 'ฟุตบอลเดินสาย' ให้มากขึ้น เพราะเชื่อว่ามีสิ่งที่เป็นประโยชน์และสามารถนำไปปรับใช้ได้
"พอลลีน" เตรียมส่งทีมเข้าแข่งขันในฟุตบอล 7 คน รายการ Mansion Sports 7 by 7 Cup 2024 ที่สนาม Super Star Arena ลาดพร้าว 80 วันที่ 1 ธันวาคมนี้ ซึ่งรายการนี้มีเดิมพันกว่า 120,000 บาทเลยทีเดียว
โดยแนวคิดในเรื่องฟุตบอลเดินสายของ พอลลีน ถือว่าน่าสนใจมาก ซึ่งเจ้าตัวเชื่อว่าหากสมาคมฟุตบอลฯให้ความสำคัญกับการแข่งขันรูปแบบนี้มากขึ้น อาจมีบางสิ่งที่นำไปปรับใช้กับการฟุตบอล 11 คนได้
แน่นอนว่าการส่่งทีท พอลลีน เอฟซี เข้าแข่งขัน จะไม่ได้ตั้งเป้าอะไรกันมากไปกว่าการรียูเนี่ยนกับกลุ่มเชียร์ไทยพาวเวอร์ ที่เป็นกลุ่มแฟนบอลทีมชาติไทยที่เหนียวแน่นมากว่า 20 ปี แต่ฟุตบอลเดินสายสำหรับเธอ มีสิ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะหากสมาคมฟุตบอลไทยสามารถถอดความสำเร็จในแง่ของฟุตบอลที่ดูสนุก สร้างความเอ็นเตอร์เทนได้ .. สิ่งนี้สามารถเอาไปต่อยอดทำประโยชน์แก่วงการฟุตบอลไทยได้แน่นอน
"การที่ พอลลีน ส่งทีมเข้าแข่งขันในรายการนี้ จริง ๆ แล้วเราไมได้หวังอะไรมากมายไปกว่าการรวมพลกันของกลุ่มเชียร์ไทยพาวเวอร์ ปกติแล้วพวกเรารวมกลุ่มกันเตะฟุตบอลมาโดยตลอด ทุก ๆ สัปดาห์ต้องมาเจอกันเสมอ ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละคนก็ 30-40-50 ปีแล้ว เรื่องอายุก็คงเป็นหนึ่งในสิ่งที่เราต้องยอมรับความจริงว่าเราไม่ได้หวังชัยชนะหรือแชมป์แน่นอน"
"แต่ฟุตบอลเดินสายเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากนะ นี่คือการแข่งขันที่อยู่คู่กับสังคมไทยมานานแล้ว เพียงแต่ในยุคนี้มันมาบูมขึ้นเพราะมีผู้สนับสนุน มีเพจที่ใช้ถ่ายทอดสด ทำให้ทุกอย่างมันเข้าถึงคนทั่วไปง่ายขึ้น"
"สิ่งหนึ่งเลยที่ต้องยกให้ฟุตบอลเดินสายคือเรื่องของความเอ็นเตอร์เทนนี่แหละ มีคนสนใจเยอะมาก เพราะมันเป็นการแข่งขันที่ดูสนุก ... ถ้าเรามองในแง่ของฟุตบอลก็คงต้องยอมรับว่าบอลเดินสายอาจจะไม่สามารถพัฒนาในเชิงโครงสร้างของทีมชาติได้มากนัก แต่เรื่องของกระแสและความสนใจเนี่ยแหละ คือสิ่งที่สมาคมฟุตบอลควรเริ่มจับตามองการแข่งขันบอลเดินสายมากขึ้น
"ที่ พอลลีน พูดมา ไม่ได้พูดในฐานะของคนที่เคยสมัครนายกสมาคมฟุตบอลไทยนะ แต่เราพูดในฐานะของแฟนบอลคนหนึ่ง เราลองคิดดูว่าหากสมาคมเข้ามารับรอง มาสนับสนุนมากขึ้น สมาคมอาจจะได้เคล็ดลับ หรือจับจุดอะไรบางอย่างที่ฟุตบอลเดินสายทำได้ แต่บอล 11 คนทำไม่ได้"
แน่นอนสิ่งที่เธอพูดถึงคือเรื่องของการจัดการแข่งขันที่ประสบความสำเร็จในแง่ของคนดูทั้งในสนามและในการไลฟ์ผ่านช่องทางโซเชี่ยล
อย่างไรก็ตาม พอลลีน ก็ยืนยันว่าเธอไม่ได้คิดว่าฟุตบอลเดินสายเหนือกว่าฟุตบอลอาชีพในประเทศแต่อย่างใด เพียงแต่เราต้องไม่ลืมว่าฟุตบอลเดินสายก็เหมือนกับสตรีทฟุตบอลที่นักเตะระดับโลก โดยเฉพาะฝั่งอเมริกาใต้อย่าง เปเล่, ดิเอโก้ มาราโดน่า และ โรนัลดินโญ่ ก็เคยผ่านฟุตบอลข้างถนนมากันทั้งนั้น ก่อนพวกเขาจะต่อยอดไปยังระดับที่สูงขึ้น
"ฟุตบอลเดินสาย ก็คล้าย ๆ กับฟุตบอลสตรีทในแบบอเมริกาใต้นั่นแหละ มันคือการแข่งขันที่เปิดโอเพ่น คุณจะเป็นทีมชาติ เล่นลีกอาชีพ หรือแม้แต่เป็นเด็กคุณก็สามารถลงแข่งฟุตบอลเดินสายได้" พอลลีน ว่าต่อ
"เปเล่, มาราโดน่า โรนัลดินโญ่ พวกเขานี้ผ่านสังเวียนนี้มาหมด เราต้องยอมรับว่ามันบอลเดินสายมันมีการปะทะแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ถ้าใครเอาตัวรอดมาได้ และพัฒนาจนเหนือกว่าคนอื่น ๆ ในระดับนี้ พวกเขาก็จะสามารถต่อยอดไปถึงระดับอาชีพ และกลายเป็นนักฟุตบอลที่ดีได้ในอนาคต"
"แต่ พอลลีน เข้าใจว่าในบริบทของประเทศไทยมันก็ไมได้ง่ายขนาดนั้น ด้วยความที่มันโอเพ่นอิสระ ดังนั้นมันอาจะจต้องแก้ไขด้วยการตีกรอบให้ชัดขึ้นสักหน่อยถ้าอยากให้มันส่งผลกับฟุตบอลไทยจริง ๆ เช่น อาจจะข้อกำหนดของการใช้ตัวระดับอาชีพ หรือตัวทีมชาติ และเอาพื้นที่มาให้นักเตะเยาวชน ซึ่งถ้ามันเป็นแบบนี้ มันก็จะง่ายกับทีมสโมสรต่าง ๆ หรือสมาคมอาจจะสามารถส่งแมวมองมาเช็คฟอร์มเพื่อเอาไปต่อยอดในระยะยาวได้มากขึ้น"
"ซึ่งในความจริงพอลลีนเข้าใจว่ามันอาจจะทำได้ยาก แต่อย่าลืมว่าอะไรก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทั้งนั้น .. อย่างที่บอกฟุตบอลเดินสายไม่ใช่สิ่งใหม่ และที่มันมาอยู่จุดนี้ได้ก็เพราะมีการปรับเปลี่ยน เปลี่ยนแปลงให้เข้ากับยุคสมัย"
"หลัก ๆ แล้วถ้ามีการควบคุมดูแลตีกรอบให้ดี เราก็อาจจะได้ฟุตบอลเดินสายที่เป็นฟุตบอลที่เล่นกันแบบอยู่ในกฎระเบียบ ไม่เล่นกันรุนแรง มันก็จะเป็นเวทีที่ทำให้เหมาะกับเด็กอายุน้อย ๆ มากขึ้น ซึ่งสุดท้ายเราก็ต้องมาวัดกันอีกทีว่าพวกเขาเหล่านั้นจะก้าวข้ามระดับบอลเดินสาย ไปสู่ระดับที่มีความเข้มข้นยิ่งกว่านี้ได้หรือเปล่า" พอลลีน งามพริ้ง กล่าวทิ้งท้าย
คุณสามารถชมการถ่ายทอดสดได้ทาง Mansion Sports Thailand, KOOL Supporters ซอยมังกร , Think Curve - คิดไซด์โค้ง และ GOAL Thailand ตลอดทั้งรายการ